ปัญหาเกี่ยวกับการแจ้งเตือนของ LINE เช่น ไม่ได้รับการแจ้งเตือน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ
คุณอาจสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยตรวจสอบและตั้งค่าตามคำแนะนำด้านล่าง
* ชื่อเมนูหรือข้อความที่แสดงอาจแตกต่างกันตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน
ข้อควรทราบ :
ข้อความแชทที่อีกฝ่ายส่งด้วยฟังก์ชัน ส่งโดยไม่แจ้งเตือน จะไม่มีการแจ้งเตือน
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตรวจสอบบน LINE ได้ว่าอีกฝ่ายใช้ฟังก์ชันส่งโดยไม่แจ้งเตือนหรือไม่
สิ่งที่จำเป็นต้องตรวจสอบ :
อันดับแรก กรุณาตั้งค่าตามข้อ (1) และ (2) หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กรุณาดำเนินการข้อ (3) ตามลำดับ
วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแจ้งเตือนทั้งหมดที่ทีมงานสามารถให้คำแนะนำได้ระบุอยู่ในหน้าช่วยเหลือนี้
เราจึงไม่สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมจากนี้ได้แม้ได้รับการติดต่อสอบถามเข้ามา
(1) การตั้งค่าเกี่ยวกับการแจ้งเตือน
เปิดการแจ้งเตือนของ LINE
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
1. เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2. เลือกที่ "LINE" จากรายการแอปพลิเคชัน
3. เปิด "อนุญาตการแจ้งเตือน"
4. เลื่อนหน้าจอลง > เลือกที่ "ตั้งค่าการแจ้งเตือน LINE"
5. เปิด "การแจ้งเตือน"
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
1. เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" ใน LINE > (หรือ เปิดหน้าตั้งค่า) > "การแจ้งเตือน"
2. เลือกที่ "การแจ้งเตือน" ด้านบน
3. เลือกที่ "ตั้งค่าการแจ้งเตือน"
4. เลือกที่ "การแจ้งเตือนทั้งหมดของ LINE"
5. เลือกที่ "การแจ้งเตือน"
6. เลือกที่ "แสดงการแจ้งเตือน"
เปิดการแจ้งเตือนเฉพาะห้องแชทที่ต้องการ
หากมี
แสดงอยู่ด้านข้างชื่อห้องแชท หมายความว่าปิดการแจ้งเตือนอยู่
คุณสามารถเปิดการแจ้งเตือนได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เปิดห้องแชท > เลือกที่
ด้านบน
2. เลือกที่ "
เปิดแจ้งเตือน"
ยกเลิกการปิดแจ้งเตือนชั่วคราว
1. เลือกที่แท็บ "
หน้าหลัก" ใน LINE >
(หรือ
เปิดหน้าตั้งค่า) > "
การแจ้งเตือน"
2. เลือกที่ "
ปิดแจ้งเตือนชั่วคราว"
3. เลือกที่ "
ปิด" หรือ "
เปิดแจ้งเตือน"
ตั้งค่าการแจ้งเตือน LINE สำหรับ PC
สำหรับผู้ที่ใช้ LINE สำหรับ PC กรุณาตั้งค่าด้านล่าง
ผู้ใช้ LINE บนสมาร์ทโฟนอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องตั้งค่านี้
1. คลิกที่
ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง LINE สำหรับ PC
2. คลิกที่ "
ตั้งค่า" > "
การแจ้งเตือน"
3. คลิกปลดเครื่องหมายถูกที่หัวข้อ "
ปิดการแจ้งเตือนบนมือถือเมื่อเข้าสู่ระบบในเวอร์ชัน PC"
* แม้ไม่ปลดการตั้งค่าข้างต้น หากล็อค LINE สำหรับ PC อยู่ หรือไม่ได้ใช้งาน 3 นาทีขึ้นไป ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยัง LINE บนสมาร์ทโฟนเช่นกัน
(2) วิธีแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนที่พบบ่อย
หากตั้งค่าแจ้งเตือนทั้งหมดแล้วแต่ยังพบปัญหาด้านล่าง อาจแก้ไขปัญหาได้โดยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าของสมาร์ทโฟน
กรุณาตรวจสอบคำแนะนำของหัวข้อที่ตรงกับปัญหาที่คุณพบ
ไม่ได้รับการแจ้งเตือน
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
1. ยกเลิกโหมดประหยัดข้อมูล
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "เซลลูลาร์"
2) เลือกที่ "ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์" > "โหมดข้อมูล"
3) เลือกที่ "มาตรฐาน"
2. ยกเลิกโหมดประหยัดพลังงงาน
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "แบตเตอรี่"
2) ปิด "โหมดประหยัดพลังงาน"
3. ปิดโหมดโฟกัส/ห้ามรบกวน
กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่า ปิดโหมดโฟกัส แล้ว
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
1. ปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่และแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติ
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "แบตเตอรี่"
2) เลือกที่ "โหมดประหยัดแบตเตอรี่" > ปิด "ใช้โหมดประหยัดแบตเตอรี่"
3) เลือกที่ "←" เพื่อกลับไปหน้าจอก่อนหน้า > "ค่ากำหนดแบบปรับอัตโนมัติ" > ปิด "แบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติ"
2. ปิดโหมดประหยัดข้อมูล
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต"
2) ปิด "การประหยัดอินเทอร์เน็ต"
3. ปิดการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "แอปพลิเคชัน" > "LINE"
2) เลือกที่ "แบตเตอรี่" > "ไม่จำกัด"
4. เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่เบื้องหลัง
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "แอปพลิเคชัน" > "LINE"
2) เลือกที่ "เน็ตมือถือและ Wi-Fi"
3) เปิด "อินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่เบื้องหลัง" และ "ใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด"
เสียงแจ้งเตือน/เสียงเรียกเข้าของการโทรด้วยเสียงไม่ดัง
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
1. เลิกใช้งานโหมดปิดเสียง
2. เปิดเสียง
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "LINE" จากรายการแอปพลิเคชัน
3) เปิด "เสียง"
3. เปลี่ยนเสียงแจ้งเตือน
1) เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" ใน LINE > (หรือ เปิดหน้าตั้งค่า) > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "เสียงแจ้งเตือน"
3) เลือกเสียงที่ต้องการ
หากพบปัญหาสายเข้าของการโทรด้วยเสียงไม่มีเสียงเรียกเข้า มีเพียงประวัติสายที่ไม่ได้รับแสดงในห้องแชท กรุณาตั้งค่าด้านล่าง
ปิดและเปิดใช้ฟังก์ชันโทรร่วมกับ iPhone
1) เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" ใน LINE > (หรือ เปิดหน้าตั้งค่า) > "โทร" > ปิด "ใช้ฟังก์ชันโทรร่วมกับ iPhone"
2) ตรวจสอบว่าปิดการตั้งค่าและได้รับการแจ้งเตือนสายเข้าแล้ว > เปิดการตั้งค่าอีกครั้ง
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
1. ปิดโหมดห้ามรบกวน
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "ห้ามรบกวน" > "ปิดเลย"
2. ตั้งค่าให้เสียงเรียกเข้าดัง
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "การตั้งค่าแอป" > "LINE"
3) เลือกที่ "การแจ้งเตือนข้อความ" > "ค่าเริ่มต้น"
3. เปลี่ยนเป็นโหมดเปิดเสียง
1) กดปุ่มปรับเสียงด้านข้างสมาร์ทโฟน
2) เลือกที่ไอคอน "กระดิ่ง" (ไอคอนที่ไม่มีเส้นเฉียงคาดกลาง) ด้านบนแถบปรับเสียง
4. เปลี่ยนเสียงแจ้งเตือน
1) เลือกที่แท็บ "หน้าหลัก" ใน LINE > (หรือ เปิดหน้าตั้งค่า) > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "การแจ้งเตือน" > "เสียง"
3) เลือกเสียงที่ต้องการ
ป้ายกำกับไม่แสดงที่ไอคอน LINE
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
เปิดการใช้งานป้ายกำกับ
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "LINE" จากรายการแอปพลิเคชัน
3) เปิด "ป้ายกำกับ"
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
หากใช้งาน Launcher (แอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งหน้าจอโฮม) อื่นอยู่ กรุณาเปลี่ยนไปใช้งาน Launcher ดั้งเดิมตอนซื้ออุปกรณ์
Launcher บางประเภทจะไม่แสดงป้ายกำกับแม้ตั้งค่าด้านล่าง กรุณาเปลี่ยนกลับเป็น Launcher ดั้งเดิมแล้วตรวจสอบว่าป้ายกำกับแสดงหรือไม่
1. เปิดให้แสดงจุดที่ทุกแอปพลิเคชัน
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เปิด "เครื่องหมายจุดแสดงการแจ้งเตือนบนไอคอนแอป"
2. เปิดให้แสดงจุดที่แอปพลิเคชัน LINE
1) เลือกที่ "การตั้งค่า" ของอุปกรณ์ > "การแจ้งเตือน"
2) เลือกที่ "การตั้งค่าแอป"
3) เลือกที่ "LINE" > เปิด "การแจ้งเตือนทั้งหมดของ LINE"
4) เปิด "อนุญาตให้ใช้เครื่องหมายจุดแสดงการแจ้งเตือน"
(3) กรณีดำเนินการทั้งหมดแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
หากดำเนินการตาม (1) การตั้งค่าเกี่ยวกับการแจ้งเตือน และ (2) วิธีแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนที่พบบ่อย ทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ปัญหาอาจมีสาเหตุมาจากตัวอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน
กรุณาลองดำเนินการด้านล่าง
1. อัปเดตระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
2. อัปเดตแอปพลิเคชัน LINE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
3. ปิดและเปิดอุปกรณ์อีกครั้ง
4. ลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นในสมาร์ทโฟน (หรือใน SD การ์ด)
5. ปิดและเปิดการใช้งาน 4G, 5G, Wi-Fi อีกครั้ง
6. ถอนและติดตั้งแอปพลิเคชัน LINE อีกครั้ง
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS
1) สำรองข้อมูลประวัติการแชท
2) ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน LINE และติดตั้งอีกครั้งจาก App Store
3) โอนย้ายบัญชี LINE
4) เลือกที่ "เรียกคืนประวัติการแชท" เมื่อหน้าจอเรียกคืนประวัติการแชทแสดงขึ้นมา
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
1) สำรองข้อมูลประวัติการแชท
2) ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน LINE และติดตั้งอีกครั้งจาก Google Play
3) โอนย้ายบัญชี LINE
4) เลือกที่ "เรียกคืนประวัติการแชท" เมื่อหน้าจอเรียกคืนประวัติการแชทแสดงขึ้นมา
ขอขอบคุณสำหรับความคิดเห็น
หากมีความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าช่วยเหลือนี้ กรุณาแจ้งให้ทีมงานทราบ
* กรุณาอย่ากรอกข้อมูลส่วนบุคคล
* โปรดทราบว่าจะไม่มีการตอบกลับความคิดเห็นที่ได้รับจากแบบฟอร์มนี้